บทนำ: ยุคใหม่ของการทำงานบัญชี

การทำงานบัญชีในยุคดิจิทัลกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากการพิมพ์ข้อมูลด้วยมือ การจัดเก็บเอกสารกองโต การไล่ตรวจสอบตัวเลขทีละรายการ เทคโนโลยี AI กำลังเปลี่ยนทุกอย่างให้เป็นแบบอัตโนมัติ
งานวิจัยจาก McKinsey & Company พบว่า ธุรกิจที่นำ AI มาใช้ในงานบัญชี สามารถลดเวลาการทำงาน 70-80% และเพิ่มความแม่นยำ 95% ในขณะที่ประหยัดต้นทุน 40-60%
สำหรับธุรกิจไทย การเข้าใจเทคโนโลยีเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต มาดูกันว่าเทคโนโลจี AI แต่ละประเภททำงานอย่างไร และช่วยลดภาระงานบัญชีได้มากแค่ไหน
1. OCR Technology: การอ่านเอกสารอัตโนมัติ

OCR (Optical Character Recognition) คือเทคโนโลยีที่ช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถอ่านตัวอักษรจากรูปภาพได้ เหมือนตาของมนุษย์ แต่ทำงานได้เร็วและแม่นยำกว่า
ปัญหาที่ OCR แก้ได้
ปัจจุบันนักบัญชีต้องใช้เวลา 4-6 ชั่วโมงต่อวัน ในการพิมพ์ข้อมูลจากใบเสร็จ 200-500 ใบ การทำงานแบบนี้มีข้อผิดพลาด 5-10% และเปลืองแรงงานมาก
การทำงานของ OCR
- สแกนหรือถ่ายรูป เอกสาร
- AI วิเคราะห์รูปภาพ แยกแยะตัวอักษร ตัวเลข และสัญลักษณ์
- แปลงเป็นข้อความดิจิทัล ที่สามารถแก้ไขได้
- ตรวจสอบความถูกต้อง ด้วยเทคนิค NLP (Natural Language Processing)
- บันทึกเข้าระบบ โดยอัตโนมัติ
ประโยชน์ที่ได้รับจาก OCR
- ประหยัดเวลา 80-85% จาก 6 ชั่วโมง เหลือ 45-60 นาที
- ลดข้อผิดพลาด 90% จาก 5-10% เหลือ 0.5-1%
- ประมวลผลได้รวดเร็ว 1 ใบเสร็จใช้เวลา 2-3 วินาที
- ปลดปล่อยทีมงาน ให้ไปทำงานที่สร้างมูลค่าสูงกว่า
- ความสามารถในการทำงาน 24/7 ไม่มีความเหนื่อยล้า
- การจัดเก็บเอกสารดิจิทัล ลดพื้นที่จัดเก็บและเสี่ยงสูญหาย
เทคโนโลยี OCR ที่เหมาะกับ SME ไทย
1. OCR แบบ Cloud Service (บริการออนไลน์) เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก-กลางที่ต้องการเริ่มต้นใช้งานได้ทันที ไม่ต้องลงทุนด้านฮาร์ดแวร์ มีการอัปเดตเทคโนโลยีอัตโนมัติ และจ่ายตามการใช้งานจริง
- Google Cloud Vision API: ความแม่นยำสูงในการอ่านภาษาไทย ราคาเริ่มต้น 1.50 บาทต่อ 1,000 ภาพ
- Microsoft Azure Computer Vision: รองรับการประมวลผลเป็นชุด เหมาะกับธุรกิจที่มีเอกสารปริมาณมาก
- Amazon Textract: เชี่ยวชาญการอ่านตารางและฟอร์ม ราคาเป็นมิตรกับ SME
2. OCR แบบ SaaS (Software as a Service) เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการระบบครบวงจร ใช้งานง่าย ไม่ต้องจัดการด้านเทคนิคเอง
- Flowaccount OCR: ระบบไทยที่เข้าใจใบเสร็จไทย ราคา 990 บาท/เดือน
- Receipt Bank (Dext): เชี่ยวชาญเฉพาะใบเสร็จ เริ่มต้น 500 บาท/เดือน
- Expensify: มีฟีเจอร์ครบครัน เริ่มต้น 150 บาท/คน/เดือน
3. OCR แบบ Custom API (ปรับแต่งได้) เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีเอกสารรูปแบบพิเศษ หรือต้องการเชื่อมต่อกับระบบที่มีอยู่
- ระบบ OCR ที่พัฒนาเฉพาะ: ปรับแต่งได้ตามธุรกิจ เชื่อมต่อระบบเดิมได้
- การฝึกฝนโมเดลเฉพาะ: ใช้ข้อมูลจากธุรกิจจริงเพื่อเพิ่มความแม่นยำ
- รองรับภาษาไทยพิเศษ: เข้าใจภาษาท้องถิ่นและคำศัพท์เฉพาะธุรกิจ
กรณีศึกษาการใช้งาน OCR ในธุรกิจ SME ไทย
กรณีที่ 1: ร้านอาหารขนาดกลางในจันทบุรี
- ปัญหาเดิม: ใบเสร็จ 150 ใบต่อวัน, ใช้เวลาพิมพ์ข้อมูล 4-5 ชั่วโมง/วัน, มีข้อผิดพลาด 8%
- โซลูชั่น: ใช้ OCR แบบ SaaS เชื่อมต่อกับระบบ POS ราคา 1,500 บาท/เดือน
- ผลลัพธ์: ใช้เวลาเพียง 30 นาที/วัน, ข้อผิดพลาดลดเหลือ 0.5%, นักบัญชีมีเวลาวิเคราะห์ยอดขายและวางแผนโปรโมชั่น
กรณีที่ 2: ร้านค้าปลีกเครื่องเขียนในขอนแก่น
- ปัญหาเดิม: ใบกำกับภาษี 200 ใบต่อวัน, พนักงานบัญชีพิมพ์ข้อมูลผิดพลาดบ่อย
- โซลูชั่น: ใช้ Google Cloud Vision API ผ่าน Custom Application
- ผลลัพธ์: ลดเวลาการทำงาน 75%, เพิ่มความแม่นยำ 95%, ประหยัดค่าใช้จ่าย 8,000 บาท/เดือน
2. Automated Billing System: ระบบวางบิลอัตโนมัติสำหรับ SME
ความท้าทายของการวางบิลในธุรกิจไทย

การออกใบกำกับภาษี การส่งใบแจ้งหนี้ และการติดตามการชำระเงิน เป็นงานที่ซับซ้อนและใช้เวลามากสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง ปัญหาที่พบบ่อยในธุรกิจไทย ได้แก่:
ปัญหาด้านการดำเนินงาน:
- การวางบิลล่าช้า ส่งผลให้เก็บเงินช้า กระแสเงินสดไม่ดี
- การติดตามที่ไม่เป็นระบบ พลาดการเตือนลูกค้า ทำให้เกิดหนี้สูญ
- การทำงานซ้ำซาก เช่น การพิมพ์ข้อมูลลูกค้าซ้ำๆ
- ข้อผิดพลาดในการคำนวณ ภาษี ส่วนลด หรือค่าธรรมเนียม
- การสื่อสารที่ไม่ต่อเนื่อง กับลูกค้าเรื่องการชำระเงิน
ผลกระทบต่อธุรกิจ:
- กระแสเงินสดไม่สม่ำเสมอ เพราะการเก็บเงินล่าช้า
- ต้นทุนการดำเนินงานสูง จากการใช้แรงงานมากในงานซ้ำซาก
- ความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับลูกค้า จากการติดตามที่ไม่เหมาะสม
- การสูญเสียรายได้ จากหนี้สูญที่เพิ่มขึ้น
เครื่องมือ Automated Billing ที่เหมาะกับ SME ไทย
1. ระบบครบวงจรสำหรับธุรกิจทั่วไป
- QuickBooks Online: ระบบบัญชีครบวงจร เริ่มต้น 900 บาท/เดือน
- รองรับภาษาไทยและกฎหมายภาษีไทย
- เชื่อมต่อธนาคารไทยได้
- มีแอปมือถือสำหรับติดตามงาน
- Zoho Invoice: เน้นการวางบิลเป็นพิเศษ เริ่มต้น 300 บาท/เดือน
- AI ในการวิเคราะห์ลูกค้า
- รองรับหลายสกุลเงิน
- การปรับแต่งเอกสารได้หลากหลาย
2. ระบบสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก
- Wave Accounting: ฟรีสำหรับฟีเจอร์พื้นฐาน
- เหมาะกับธุรกิจที่เริ่มต้น
- การออกใบแจ้งหนี้ไม่จำกัด
- การติดตามการชำระเงินง่าย
- FreshBooks: เน้นความง่ายในการใช้งาน เริ่มต้น 500 บาท/เดือน
- ติดตามเวลาทำงานได้
- รายงานที่เข้าใจง่าย
- แอปมือถือที่ใช้งานง่าย
3. ระบบไทยที่เข้าใจธุรกิจไทย
- Flowaccount: ระบบไทยครบครัน เริ่มต้น 990 บาท/เดือน
- เข้าใจกฎหมายภาษีไทย
- รองรับใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์
- บริการช่วยเหลือภาษาไทย
- Express: เน้นธุรกิจขนาดเล็ก เริ่มต้น 500 บาท/เดือน
- ง่ายต่อการใช้งาน
- ราคาเป็นมิตรกับ SME
- อบรมการใช้งานฟรี
ผลลัพธ์ที่วัดได้
- ลดเวลาการวางบิล 70-80% จาก 2 ชั่วโมง เหลือ 25-30 นาที
- เร่งการเก็บเงิน 40-60% ลูกค้าจ่ายเร็วขึ้นเฉลี่ย 15-20 วัน
- ลดหนี้สูญ 50-70% เพราะการติดตามที่เป็นระบบ
- เพิ่มกระแสเงินสด 30-50% จากการเก็บเงินที่เร็วขึ้น
เครื่องมือ Automated Billing ที่น่าสนใจ
- QuickBooks Online: ระบบครบวงจร เหมาะกับ SME
- Zoho Invoice: มีฟีเจอร์ AI ในการวิเคราะห์
- Wave Accounting: เครื่องมือฟรีสำหรับธุรกิจเล็ก
- FreshBooks: เน้นการติดตามเวลาและโปรเจกต์
3. Smart Document Classification: การจัดหมวดหมู่เอกสารอัจฉริยะสำหรับ SME
ปัญหาของการจัดเก็บเอกสารในธุรกิจไทย

การจัดการเอกสารทางการเงินเป็นหนึ่งในงานที่ใช้เวลามากที่สุดในงานบัญชี โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็ก-กลางที่มีเอกสารหลากหลายประเภท แต่ยังไม่มีระบบการจัดเก็บที่เป็นมาตรฐาน
ประเภทเอกสารที่ธุรกิจไทยต้องจัดการ:
- ใบเสร็จรับเงิน จากการซื้อสินค้าและบริการ
- ใบกำกับภาษี (Tax Invoice) สำหรับการเครดิตภาษี
- บิลค่าสาธารณูปโภค ไฟฟ้า น้ำ โทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต
- ใบ ณ ที่จ่าย (Withholding Tax) จากการจ้างงานและบริการ
- ใบส่งของ/ใบรับของ สำหรับการติดตามสินค้า
- เอกสารธนาคาร Statement, สลิปโอนเงิน
- สัญญาและข้อตกลง ที่มีผลกระทบทางการเงิน
ปัญหาที่พบบ่อย:
- เวลาที่เปลืองไปในการค้นหา เมื่อต้องการเอกสารเก่า
- การจัดเก็บไม่เป็นระบบ เอกสารกระจัดกระจายในหลายที่
- การตั้งชื่อไฟล์ไม่สม่ำเสมอ ทำให้ค้นหายาก
- การแยกประเภทผิดพลาด ส่งผลให้รายงานไม่ถูกต้อง
- การสูญหายของเอกสาร โดยเฉพาะกระดาษหรือไฟล์ที่ไม่ได้สำรอง
เครื่องมือ Document Classification สำหรับ SME
1. ระบบ Cloud-based ที่ใช้งานง่าย
Microsoft SharePoint + AI Builder
- ข้อดี: เชื่อมต่อกับ Office 365 ได้ดี มีระบบ AI ในตัว
- ราคา: เริ่มต้น 150 บาท/คน/เดือน
- เหมาะกับ: ธุรกิจที่ใช้ Microsoft Office อยู่แล้ว
Google Drive + Google Cloud AutoML
- ข้อดี: ง่ายต่อการใช้งาน ราคาไม่แพง การแชร์สะดวก
- ราคา: เริ่มต้น 20 บาทต่อชั่วโมงการประมวลผล
- เหมาะกับ: ธุรกิษที่ต้องการความยืดหยุ่น
Dropbox + DocuWare
- ข้อดี: เชี่ยวชาญด้านการจัดการเอกสาร มีฟีเจอร์ครบครัน
- ราคา: เริ่มต้น 300 บาท/คน/เดือน
- เหมาะกับ: ธุรกิจที่มีเอกสารเยอะและซับซ้อน
2. ระบบไทยที่เข้าใจบริบทไทย
FlowAccount Document Management
- ข้อดี: เข้าใจภาษาไทย เชื่อมต่อระบบบัญชีไทย
- ราคา: 500 บาท/เดือน (เพิ่มเติมจากแพคเกจบัญชี)
- เหมาะกับ: ธุรกิจที่ใช้ระบบบัญชีไทยอยู่แล้ว
TaxFile (จาก Revenue Department)
- ข้อดี: มาตรฐานภาครัฐ เข้าใจกฎหมายภาษีไทย
- ราคา: ฟรีสำหรับฟีเจอร์พื้นฐาน
- เหมาะกับ: ธุรกิจที่ต้องการความปลอดภัยสูง
4. Intelligent Expense Management: การจัดการค่าใช้จ่ายอัจฉริยะ
ปัญหาการจัดการค่าใช้จ่ายแบบเดิม

- พนักงานส่งใบเสร็จไม่เป็นระบบ
- การตรวจสอบล่าช้าและไม่ครบถ้วน
- เกิดใบเสร็จซ้ำหรือปลอม
- ไม่สอดคล้องกับนโยบายบริษัท
ฟีเจอร์ของ AI Expense Management
- Duplicate Detection: ตรวจจับใบเสร็จซ้ำอัตโนมัติ
- Policy Compliance: เช็คตามนโยบายบริษัท
- Receipt Validation: ตรวจสอบความถูกต้องของใบเสร็จ
- Auto Categorization: จัดหมวดหมู่ค่าใช้จ่าย
- Smart Approval Workflow: ส่งอนุมัติตามลำดับขั้น
- Fraud Detection: ตรวจจับการทุจริต
การทำงานแบบ End-to-End
- พนักงานถ่ายรูปใบเสร็จ ผ่านแอปมือถือ
- AI อ่านและวิเคราะห์ ข้อมูลใบเสร็จ
- ตรวจสอบกับนโยบาย เช็คงบประมาณและประเภท
- ส่งอนุมัติอัตโนมัติ ตามเงื่อนไขที่กำหนด
- บันทึกเข้าระบบบัญชี เมื่อได้รับการอนุมัติ
- สร้างรายงาน แบบเรียลไทม์
ผลลัพธ์ที่วัดได้
- ลดเวลาประมวลผล 75% จาก 4 ชั่วโมง เหลือ 1 ชั่วโมง
- ตรวจจับใบเสร็จซ้ำ/ปลอม 99%
- เร่งการเบิกเงิน 50% จาก 10 วัน เหลือ 5 วัน
- ลดข้อพิพาท 80% เรื่องค่าใช้จ่าย
เครื่องมือที่น่าสนใจ
- Expensify: ผู้นำด้าน AI Expense Management
- Receipt Bank (Dext): เชี่ยวชาญ OCR สำหรับใบเสร็จ
- Concur: เหมาะกับองค์กรขนาดใหญ่
- Rydoo: มีฟีเจอร์ครบครันสำหรับ SME
5. Automated Bank Reconciliation: การกระทบยอดธนาคารอัตโนมัติสำหรับ SME
ความท้าทายของการกระทบยอดธนาคารในธุรกิจไทย
การกระทบยอดธนาคารเป็นงานที่สำคัญมากในงานบัญชี แต่มักเป็นงานที่ใช้เวลามากและมีโอกาสผิดพลาดสูง โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก-กลางที่มีรายการทางการเงินหลากหลายและซับซ้อน
ปัญหาที่พบบ่อยในธุรกิจไทย:
ด้านความซับซ้อนของข้อมูล
- รายการธนาคารหลากหลาย: โอนเงิน, ฝาก-ถอน, ค่าธรรมเนียม, ดอกเบี้ย, การหักบัญชีอัตโนมัติ
- ธนาคารหลายแห่ง: SME มักมีบัญชีกับธนาคารหลายแห่ง แต่ละแห่งมีรูปแบบ Statement ต่างกัน
- สกุลเงินหลายประเภท: บาท, ดอลลาร์, ยูโร สำหรับธุรกิจนำเข้า-ส่งออก
- การเคลื่อนไหวแบบเรียลไทม์: รายการเข้า-ออกตลอดวัน ทำให้ยากต่อการติดตาม
ด้านการดำเนินงาน
- การรอ Statement: ต้องรอธนาคารส่ง Statement หรือต้องไปดาวน์โหลดเอง
- การพิมพ์ข้อมูลด้วยมือ: จาก Statement กระดาษเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
- การจับคู่รายการ: ต้องหารายการที่ตรงกันระหว่างระบบบัญชีกับธนาคาร
- การหาสาเหตุความแตกต่าง: เมื่อพบรายการที่ไม่ตรงกัน ต้องสืบค้นสาเหตุ
ด้านผลกระทบ
- ข้อมูลทางการเงินไม่ถูกต้อง: ส่งผลต่อการตัดสินใจทางธุรกิจ
- การตรวจสอบล่าช้า: ทำให้พบปัญหาเมื่อสายเกินไป
- ความเสี่ยงด้านการทุจริต: รายการผิดปกติอาจถูกปกปิด
- เวลาที่เปลืองไป: นักบัญชีใช้เวลา 1-2 วันต่อเดือน เฉพาะงานนี้
เครื่องมือ Bank Reconciliation สำหรับ SME ไทย
1. ระบบครบวงจรที่เชื่อมต่อธนาคารไทยได้
FlowAccount Bank Sync
- ข้อดี: เชื่อมต่อธนาคารไทยได้ครบทุกแห่ง, เข้าใจกฎหมายไทย
- ราคา: 500 บาท/เดือนต่อบัญชีธนาคาร
- เหมาะกับ: ธุรกิจที่ใช้ระบบบัญชีไทยอยู่แล้ว
- ฟีเจอร์เด่น: การซิงค์อัตโนมัติ, การจัดหมวดหมู่รายการ, รายงานภาษาไทย
QuickBooks Online (Thailand)
- ข้อดี: ระบบสากลที่รองรับไทย, มีฟีเจอร์ AI ขั้นสูง
- ราคา: 900 บาท/เดือน (รวมฟีเจอร์ Bank Reconciliation)
- เหมาะกับ: ธุรกิจที่ต้องการมาตรฐานสากล
- ฟีเจอร์เด่น: การเชื่อมต่อผ่าน Yodlee, การตรวจจับการทุจริต, การรายงานขั้นสูง
Xero (with Bank Feed)
- ข้อดี: ใช้งานง่าย, ราคาเป็นมิตร, การซิงค์เร็ว
- ราคา: 750 บาท/เดือน
- เหมาะกับ: SME ที่ต้องการระบบง่ายแต่มีประสิทธิภาพ
- ฟีเจอร์เด่น: การจับคู่แบบ AI, การเรียนรู้จากพฤติกรรม, แดชบอร์ดเข้าใจง่าย
เปรียบเทียบประสิทธิภาพการทำงาน
ธุรกิจขนาดเล็ก (100-300 รายการ/เดือน)
แบบดั้งเดิม:
- เวลาทำงานรวม: 20 ชั่วโมง/สัปดาห์
- งานที่เป็นการพิมพ์ข้อมูล: 70%
- อัตราข้อผิดพลาด: 5-8%
หลังใช้ AI:
- เวลาทำงานรวม: 6 ชั่วโมง/สัปดาห์
- งานที่เป็นการวิเคราะห์: 70%
- อัตราข้อผิดพลาด: 0.5-1%
- ทีมมีเวลาโฟกัสงานสร้างมูลค่า เพิ่มขึ้น 300%
ธุรกิจขนาดกลาง (500-1,000 รายการ/เดือน)
แบบดั้งเดิม:
- เวลาทำงานรวม: 80 ชั่วโมง/สัปดาห์
- งานซ้ำซาก: 60%
หลังใช้ AI:
- เวลาทำงานรวม: 30 ชั่วโมง/สัปดาห์
- งานเชิงกลยุทธ์: 80%
- เพิ่มความสามารถในการให้คำปรึกษา และวางแผนธุรกิจ
แนวทางการเริ่มต้นใช้ AI ในงานบัญชี

ขั้นตอนที่ 1: การประเมินความต้องการ (เดือนที่ 1)
- วิเคราะห์งานที่เปลืองเวลามากที่สุด
- ศึกษาเครื่องมือ AI ที่เหมาะสม
- ทดลองใช้ระบบแบบ Free Trial
- ประเมินความคุ้มค่าการลงทุน
ขั้นตอนที่ 2: การทดลองใช้ (เดือนที่ 2-3)
- เริ่มจากงานที่ง่ายที่สุด เช่น OCR
- ใช้กับข้อมูลจริง 20-30%
- ฝึกอบรมพนักงาน
- ตรวจสอบความแม่นยำ
ขั้นตอนที่ 3: การขยายผล (เดือนที่ 4-6)
- เพิ่มปริมาณงานที่ใช้ AI
- เพิ่มฟีเจอร์ใหม่
- วัดผลและปรับปรุง
- วางแผนการใช้ระยะยาว
บทสรุป: อนาคตของงานบัญชีคือ AI
เทคโนโลยี AI ไม่ใช่อนาคตที่ไกลตัว แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในปัจจุบัน ธุรกิจที่นำ AI มาใช้ในงานบัญชีจะได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างมาก ทั้งในด้านความเร็ว ความแม่นยำ และต้นทุน
5 เทคโนโลยีหลักที่ควรทำความเข้าใจ:
- OCR – อ่านเอกสารอัตโนมัติ
- Automated Billing – วางบิลและติดตามการชำระ
- Document Classification – จัดหมวดหมู่เอกสารอัจฉริยะ
- Expense Management – จัดการค่าใช้จ่ายอัตโนมัติ
- Bank Reconciliation – กระทบยอดธนาคารด้วย AI
การลงทุนใน AI สำหรับงานบัญชีไม่ใช่แค่การเพิ่มประสิทธิภาพ แต่เป็นการปลดปล่อยศักยภาพของทีมงานให้ไปทำงานที่สร้างมูลค่าสูงกว่า เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล การวางกลยุทธ์ทางการเงิน และการให้คำปรึกษาเชิงธุรกิจ ที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และประสบการณ์ของมนุษย์
การเริ่มต้นไม่ยาก เริ่มจากเทคโนโลยีง่ายๆ เช่น OCR หรือ Automated Billing จากนั้นค่อยขยายไปเรื่อยๆ ในไม่ช้าธุรกิจของคุณจะเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิวัติงานบัญชียุคดิจิทัล
เกี่ยวกับ Horizon AI Studio
หากคุณสนใจนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในงานบัญชีของธุรกิจ Horizon AI Studio มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโซลูชั่น AI สำหรับงานบัญชีและการเงินโดยเฉพาะ
เรามีประสบการณ์ในการพัฒนาระบบ OCR ที่ปรับแต่งสำหรับเอกสารไทย ระบบการวางบิลอัตโนมัติ และเครื่องมือจัดการเอกสารอัจฉริยะ พร้อมให้คำปรึกษาและสนับสนุนการใช้งานตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการขยายผล
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Horizon AI Studio เพื่อเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงงานบัญชีของคุณด้วย AI
Leave a Reply