AI ระบบบัญชีอัตโนมัติ: 5 เทคโนโลยีลดงานเอกสาร 80% เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ SME ไทย 2025

บทนำ: ยุคใหม่ของการทำงานบัญชี

การทำงานบัญชีในยุคดิจิทัลกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากการพิมพ์ข้อมูลด้วยมือ การจัดเก็บเอกสารกองโต การไล่ตรวจสอบตัวเลขทีละรายการ เทคโนโลยี AI กำลังเปลี่ยนทุกอย่างให้เป็นแบบอัตโนมัติ

งานวิจัยจาก McKinsey & Company พบว่า ธุรกิจที่นำ AI มาใช้ในงานบัญชี สามารถลดเวลาการทำงาน 70-80% และเพิ่มความแม่นยำ 95% ในขณะที่ประหยัดต้นทุน 40-60%

สำหรับธุรกิจไทย การเข้าใจเทคโนโลยีเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต มาดูกันว่าเทคโนโลจี AI แต่ละประเภททำงานอย่างไร และช่วยลดภาระงานบัญชีได้มากแค่ไหน

1. OCR Technology: การอ่านเอกสารอัตโนมัติ

OCR (Optical Character Recognition) คือเทคโนโลยีที่ช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถอ่านตัวอักษรจากรูปภาพได้ เหมือนตาของมนุษย์ แต่ทำงานได้เร็วและแม่นยำกว่า

ปัญหาที่ OCR แก้ได้

ปัจจุบันนักบัญชีต้องใช้เวลา 4-6 ชั่วโมงต่อวัน ในการพิมพ์ข้อมูลจากใบเสร็จ 200-500 ใบ การทำงานแบบนี้มีข้อผิดพลาด 5-10% และเปลืองแรงงานมาก

การทำงานของ OCR

  1. สแกนหรือถ่ายรูป เอกสาร
  2. AI วิเคราะห์รูปภาพ แยกแยะตัวอักษร ตัวเลข และสัญลักษณ์
  3. แปลงเป็นข้อความดิจิทัล ที่สามารถแก้ไขได้
  4. ตรวจสอบความถูกต้อง ด้วยเทคนิค NLP (Natural Language Processing)
  5. บันทึกเข้าระบบ โดยอัตโนมัติ

ประโยชน์ที่ได้รับจาก OCR

  • ประหยัดเวลา 80-85% จาก 6 ชั่วโมง เหลือ 45-60 นาที
  • ลดข้อผิดพลาด 90% จาก 5-10% เหลือ 0.5-1%
  • ประมวลผลได้รวดเร็ว 1 ใบเสร็จใช้เวลา 2-3 วินาที
  • ปลดปล่อยทีมงาน ให้ไปทำงานที่สร้างมูลค่าสูงกว่า
  • ความสามารถในการทำงาน 24/7 ไม่มีความเหนื่อยล้า
  • การจัดเก็บเอกสารดิจิทัล ลดพื้นที่จัดเก็บและเสี่ยงสูญหาย

เทคโนโลยี OCR ที่เหมาะกับ SME ไทย

1. OCR แบบ Cloud Service (บริการออนไลน์) เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก-กลางที่ต้องการเริ่มต้นใช้งานได้ทันที ไม่ต้องลงทุนด้านฮาร์ดแวร์ มีการอัปเดตเทคโนโลยีอัตโนมัติ และจ่ายตามการใช้งานจริง

  • Google Cloud Vision API: ความแม่นยำสูงในการอ่านภาษาไทย ราคาเริ่มต้น 1.50 บาทต่อ 1,000 ภาพ
  • Microsoft Azure Computer Vision: รองรับการประมวลผลเป็นชุด เหมาะกับธุรกิจที่มีเอกสารปริมาณมาก
  • Amazon Textract: เชี่ยวชาญการอ่านตารางและฟอร์ม ราคาเป็นมิตรกับ SME

2. OCR แบบ SaaS (Software as a Service) เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการระบบครบวงจร ใช้งานง่าย ไม่ต้องจัดการด้านเทคนิคเอง

  • Flowaccount OCR: ระบบไทยที่เข้าใจใบเสร็จไทย ราคา 990 บาท/เดือน
  • Receipt Bank (Dext): เชี่ยวชาญเฉพาะใบเสร็จ เริ่มต้น 500 บาท/เดือน
  • Expensify: มีฟีเจอร์ครบครัน เริ่มต้น 150 บาท/คน/เดือน

3. OCR แบบ Custom API (ปรับแต่งได้) เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีเอกสารรูปแบบพิเศษ หรือต้องการเชื่อมต่อกับระบบที่มีอยู่

  • ระบบ OCR ที่พัฒนาเฉพาะ: ปรับแต่งได้ตามธุรกิจ เชื่อมต่อระบบเดิมได้
  • การฝึกฝนโมเดลเฉพาะ: ใช้ข้อมูลจากธุรกิจจริงเพื่อเพิ่มความแม่นยำ
  • รองรับภาษาไทยพิเศษ: เข้าใจภาษาท้องถิ่นและคำศัพท์เฉพาะธุรกิจ

กรณีศึกษาการใช้งาน OCR ในธุรกิจ SME ไทย

กรณีที่ 1: ร้านอาหารขนาดกลางในจันทบุรี

  • ปัญหาเดิม: ใบเสร็จ 150 ใบต่อวัน, ใช้เวลาพิมพ์ข้อมูล 4-5 ชั่วโมง/วัน, มีข้อผิดพลาด 8%
  • โซลูชั่น: ใช้ OCR แบบ SaaS เชื่อมต่อกับระบบ POS ราคา 1,500 บาท/เดือน
  • ผลลัพธ์: ใช้เวลาเพียง 30 นาที/วัน, ข้อผิดพลาดลดเหลือ 0.5%, นักบัญชีมีเวลาวิเคราะห์ยอดขายและวางแผนโปรโมชั่น

กรณีที่ 2: ร้านค้าปลีกเครื่องเขียนในขอนแก่น

  • ปัญหาเดิม: ใบกำกับภาษี 200 ใบต่อวัน, พนักงานบัญชีพิมพ์ข้อมูลผิดพลาดบ่อย
  • โซลูชั่น: ใช้ Google Cloud Vision API ผ่าน Custom Application
  • ผลลัพธ์: ลดเวลาการทำงาน 75%, เพิ่มความแม่นยำ 95%, ประหยัดค่าใช้จ่าย 8,000 บาท/เดือน

2. Automated Billing System: ระบบวางบิลอัตโนมัติสำหรับ SME

ความท้าทายของการวางบิลในธุรกิจไทย

การออกใบกำกับภาษี การส่งใบแจ้งหนี้ และการติดตามการชำระเงิน เป็นงานที่ซับซ้อนและใช้เวลามากสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง ปัญหาที่พบบ่อยในธุรกิจไทย ได้แก่:

ปัญหาด้านการดำเนินงาน:

  • การวางบิลล่าช้า ส่งผลให้เก็บเงินช้า กระแสเงินสดไม่ดี
  • การติดตามที่ไม่เป็นระบบ พลาดการเตือนลูกค้า ทำให้เกิดหนี้สูญ
  • การทำงานซ้ำซาก เช่น การพิมพ์ข้อมูลลูกค้าซ้ำๆ
  • ข้อผิดพลาดในการคำนวณ ภาษี ส่วนลด หรือค่าธรรมเนียม
  • การสื่อสารที่ไม่ต่อเนื่อง กับลูกค้าเรื่องการชำระเงิน

ผลกระทบต่อธุรกิจ:

  • กระแสเงินสดไม่สม่ำเสมอ เพราะการเก็บเงินล่าช้า
  • ต้นทุนการดำเนินงานสูง จากการใช้แรงงานมากในงานซ้ำซาก
  • ความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับลูกค้า จากการติดตามที่ไม่เหมาะสม
  • การสูญเสียรายได้ จากหนี้สูญที่เพิ่มขึ้น

เครื่องมือ Automated Billing ที่เหมาะกับ SME ไทย

1. ระบบครบวงจรสำหรับธุรกิจทั่วไป

  • QuickBooks Online: ระบบบัญชีครบวงจร เริ่มต้น 900 บาท/เดือน
    • รองรับภาษาไทยและกฎหมายภาษีไทย
    • เชื่อมต่อธนาคารไทยได้
    • มีแอปมือถือสำหรับติดตามงาน
  • Zoho Invoice: เน้นการวางบิลเป็นพิเศษ เริ่มต้น 300 บาท/เดือน
    • AI ในการวิเคราะห์ลูกค้า
    • รองรับหลายสกุลเงิน
    • การปรับแต่งเอกสารได้หลากหลาย

2. ระบบสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก

  • Wave Accounting: ฟรีสำหรับฟีเจอร์พื้นฐาน
    • เหมาะกับธุรกิจที่เริ่มต้น
    • การออกใบแจ้งหนี้ไม่จำกัด
    • การติดตามการชำระเงินง่าย
  • FreshBooks: เน้นความง่ายในการใช้งาน เริ่มต้น 500 บาท/เดือน
    • ติดตามเวลาทำงานได้
    • รายงานที่เข้าใจง่าย
    • แอปมือถือที่ใช้งานง่าย

3. ระบบไทยที่เข้าใจธุรกิจไทย

  • Flowaccount: ระบบไทยครบครัน เริ่มต้น 990 บาท/เดือน
    • เข้าใจกฎหมายภาษีไทย
    • รองรับใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์
    • บริการช่วยเหลือภาษาไทย
  • Express: เน้นธุรกิจขนาดเล็ก เริ่มต้น 500 บาท/เดือน
    • ง่ายต่อการใช้งาน
    • ราคาเป็นมิตรกับ SME
    • อบรมการใช้งานฟรี

ผลลัพธ์ที่วัดได้

  • ลดเวลาการวางบิล 70-80% จาก 2 ชั่วโมง เหลือ 25-30 นาที
  • เร่งการเก็บเงิน 40-60% ลูกค้าจ่ายเร็วขึ้นเฉลี่ย 15-20 วัน
  • ลดหนี้สูญ 50-70% เพราะการติดตามที่เป็นระบบ
  • เพิ่มกระแสเงินสด 30-50% จากการเก็บเงินที่เร็วขึ้น

เครื่องมือ Automated Billing ที่น่าสนใจ

  • QuickBooks Online: ระบบครบวงจร เหมาะกับ SME
  • Zoho Invoice: มีฟีเจอร์ AI ในการวิเคราะห์
  • Wave Accounting: เครื่องมือฟรีสำหรับธุรกิจเล็ก
  • FreshBooks: เน้นการติดตามเวลาและโปรเจกต์

3. Smart Document Classification: การจัดหมวดหมู่เอกสารอัจฉริยะสำหรับ SME

ปัญหาของการจัดเก็บเอกสารในธุรกิจไทย

การจัดการเอกสารทางการเงินเป็นหนึ่งในงานที่ใช้เวลามากที่สุดในงานบัญชี โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็ก-กลางที่มีเอกสารหลากหลายประเภท แต่ยังไม่มีระบบการจัดเก็บที่เป็นมาตรฐาน

ประเภทเอกสารที่ธุรกิจไทยต้องจัดการ:

  • ใบเสร็จรับเงิน จากการซื้อสินค้าและบริการ
  • ใบกำกับภาษี (Tax Invoice) สำหรับการเครดิตภาษี
  • บิลค่าสาธารณูปโภค ไฟฟ้า น้ำ โทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต
  • ใบ ณ ที่จ่าย (Withholding Tax) จากการจ้างงานและบริการ
  • ใบส่งของ/ใบรับของ สำหรับการติดตามสินค้า
  • เอกสารธนาคาร Statement, สลิปโอนเงิน
  • สัญญาและข้อตกลง ที่มีผลกระทบทางการเงิน

ปัญหาที่พบบ่อย:

  • เวลาที่เปลืองไปในการค้นหา เมื่อต้องการเอกสารเก่า
  • การจัดเก็บไม่เป็นระบบ เอกสารกระจัดกระจายในหลายที่
  • การตั้งชื่อไฟล์ไม่สม่ำเสมอ ทำให้ค้นหายาก
  • การแยกประเภทผิดพลาด ส่งผลให้รายงานไม่ถูกต้อง
  • การสูญหายของเอกสาร โดยเฉพาะกระดาษหรือไฟล์ที่ไม่ได้สำรอง

เครื่องมือ Document Classification สำหรับ SME

1. ระบบ Cloud-based ที่ใช้งานง่าย

Microsoft SharePoint + AI Builder

  • ข้อดี: เชื่อมต่อกับ Office 365 ได้ดี มีระบบ AI ในตัว
  • ราคา: เริ่มต้น 150 บาท/คน/เดือน
  • เหมาะกับ: ธุรกิจที่ใช้ Microsoft Office อยู่แล้ว

Google Drive + Google Cloud AutoML

  • ข้อดี: ง่ายต่อการใช้งาน ราคาไม่แพง การแชร์สะดวก
  • ราคา: เริ่มต้น 20 บาทต่อชั่วโมงการประมวลผล
  • เหมาะกับ: ธุรกิษที่ต้องการความยืดหยุ่น

Dropbox + DocuWare

  • ข้อดี: เชี่ยวชาญด้านการจัดการเอกสาร มีฟีเจอร์ครบครัน
  • ราคา: เริ่มต้น 300 บาท/คน/เดือน
  • เหมาะกับ: ธุรกิจที่มีเอกสารเยอะและซับซ้อน

2. ระบบไทยที่เข้าใจบริบทไทย

FlowAccount Document Management

  • ข้อดี: เข้าใจภาษาไทย เชื่อมต่อระบบบัญชีไทย
  • ราคา: 500 บาท/เดือน (เพิ่มเติมจากแพคเกจบัญชี)
  • เหมาะกับ: ธุรกิจที่ใช้ระบบบัญชีไทยอยู่แล้ว

TaxFile (จาก Revenue Department)

  • ข้อดี: มาตรฐานภาครัฐ เข้าใจกฎหมายภาษีไทย
  • ราคา: ฟรีสำหรับฟีเจอร์พื้นฐาน
  • เหมาะกับ: ธุรกิจที่ต้องการความปลอดภัยสูง

4. Intelligent Expense Management: การจัดการค่าใช้จ่ายอัจฉริยะ

ปัญหาการจัดการค่าใช้จ่ายแบบเดิม

  • พนักงานส่งใบเสร็จไม่เป็นระบบ
  • การตรวจสอบล่าช้าและไม่ครบถ้วน
  • เกิดใบเสร็จซ้ำหรือปลอม
  • ไม่สอดคล้องกับนโยบายบริษัท

ฟีเจอร์ของ AI Expense Management

  1. Duplicate Detection: ตรวจจับใบเสร็จซ้ำอัตโนมัติ
  2. Policy Compliance: เช็คตามนโยบายบริษัท
  3. Receipt Validation: ตรวจสอบความถูกต้องของใบเสร็จ
  4. Auto Categorization: จัดหมวดหมู่ค่าใช้จ่าย
  5. Smart Approval Workflow: ส่งอนุมัติตามลำดับขั้น
  6. Fraud Detection: ตรวจจับการทุจริต

การทำงานแบบ End-to-End

  1. พนักงานถ่ายรูปใบเสร็จ ผ่านแอปมือถือ
  2. AI อ่านและวิเคราะห์ ข้อมูลใบเสร็จ
  3. ตรวจสอบกับนโยบาย เช็คงบประมาณและประเภท
  4. ส่งอนุมัติอัตโนมัติ ตามเงื่อนไขที่กำหนด
  5. บันทึกเข้าระบบบัญชี เมื่อได้รับการอนุมัติ
  6. สร้างรายงาน แบบเรียลไทม์

ผลลัพธ์ที่วัดได้

  • ลดเวลาประมวลผล 75% จาก 4 ชั่วโมง เหลือ 1 ชั่วโมง
  • ตรวจจับใบเสร็จซ้ำ/ปลอม 99%
  • เร่งการเบิกเงิน 50% จาก 10 วัน เหลือ 5 วัน
  • ลดข้อพิพาท 80% เรื่องค่าใช้จ่าย

เครื่องมือที่น่าสนใจ

  • Expensify: ผู้นำด้าน AI Expense Management
  • Receipt Bank (Dext): เชี่ยวชาญ OCR สำหรับใบเสร็จ
  • Concur: เหมาะกับองค์กรขนาดใหญ่
  • Rydoo: มีฟีเจอร์ครบครันสำหรับ SME

5. Automated Bank Reconciliation: การกระทบยอดธนาคารอัตโนมัติสำหรับ SME

ความท้าทายของการกระทบยอดธนาคารในธุรกิจไทย

การกระทบยอดธนาคารเป็นงานที่สำคัญมากในงานบัญชี แต่มักเป็นงานที่ใช้เวลามากและมีโอกาสผิดพลาดสูง โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก-กลางที่มีรายการทางการเงินหลากหลายและซับซ้อน

ปัญหาที่พบบ่อยในธุรกิจไทย:

ด้านความซับซ้อนของข้อมูล

  • รายการธนาคารหลากหลาย: โอนเงิน, ฝาก-ถอน, ค่าธรรมเนียม, ดอกเบี้ย, การหักบัญชีอัตโนมัติ
  • ธนาคารหลายแห่ง: SME มักมีบัญชีกับธนาคารหลายแห่ง แต่ละแห่งมีรูปแบบ Statement ต่างกัน
  • สกุลเงินหลายประเภท: บาท, ดอลลาร์, ยูโร สำหรับธุรกิจนำเข้า-ส่งออก
  • การเคลื่อนไหวแบบเรียลไทม์: รายการเข้า-ออกตลอดวัน ทำให้ยากต่อการติดตาม

ด้านการดำเนินงาน

  • การรอ Statement: ต้องรอธนาคารส่ง Statement หรือต้องไปดาวน์โหลดเอง
  • การพิมพ์ข้อมูลด้วยมือ: จาก Statement กระดาษเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
  • การจับคู่รายการ: ต้องหารายการที่ตรงกันระหว่างระบบบัญชีกับธนาคาร
  • การหาสาเหตุความแตกต่าง: เมื่อพบรายการที่ไม่ตรงกัน ต้องสืบค้นสาเหตุ

ด้านผลกระทบ

  • ข้อมูลทางการเงินไม่ถูกต้อง: ส่งผลต่อการตัดสินใจทางธุรกิจ
  • การตรวจสอบล่าช้า: ทำให้พบปัญหาเมื่อสายเกินไป
  • ความเสี่ยงด้านการทุจริต: รายการผิดปกติอาจถูกปกปิด
  • เวลาที่เปลืองไป: นักบัญชีใช้เวลา 1-2 วันต่อเดือน เฉพาะงานนี้

เครื่องมือ Bank Reconciliation สำหรับ SME ไทย

1. ระบบครบวงจรที่เชื่อมต่อธนาคารไทยได้

FlowAccount Bank Sync

  • ข้อดี: เชื่อมต่อธนาคารไทยได้ครบทุกแห่ง, เข้าใจกฎหมายไทย
  • ราคา: 500 บาท/เดือนต่อบัญชีธนาคาร
  • เหมาะกับ: ธุรกิจที่ใช้ระบบบัญชีไทยอยู่แล้ว
  • ฟีเจอร์เด่น: การซิงค์อัตโนมัติ, การจัดหมวดหมู่รายการ, รายงานภาษาไทย

QuickBooks Online (Thailand)

  • ข้อดี: ระบบสากลที่รองรับไทย, มีฟีเจอร์ AI ขั้นสูง
  • ราคา: 900 บาท/เดือน (รวมฟีเจอร์ Bank Reconciliation)
  • เหมาะกับ: ธุรกิจที่ต้องการมาตรฐานสากล
  • ฟีเจอร์เด่น: การเชื่อมต่อผ่าน Yodlee, การตรวจจับการทุจริต, การรายงานขั้นสูง

Xero (with Bank Feed)

  • ข้อดี: ใช้งานง่าย, ราคาเป็นมิตร, การซิงค์เร็ว
  • ราคา: 750 บาท/เดือน
  • เหมาะกับ: SME ที่ต้องการระบบง่ายแต่มีประสิทธิภาพ
  • ฟีเจอร์เด่น: การจับคู่แบบ AI, การเรียนรู้จากพฤติกรรม, แดชบอร์ดเข้าใจง่าย

เปรียบเทียบประสิทธิภาพการทำงาน

ธุรกิจขนาดเล็ก (100-300 รายการ/เดือน)

แบบดั้งเดิม:

  • เวลาทำงานรวม: 20 ชั่วโมง/สัปดาห์
  • งานที่เป็นการพิมพ์ข้อมูล: 70%
  • อัตราข้อผิดพลาด: 5-8%

หลังใช้ AI:

  • เวลาทำงานรวม: 6 ชั่วโมง/สัปดาห์
  • งานที่เป็นการวิเคราะห์: 70%
  • อัตราข้อผิดพลาด: 0.5-1%
  • ทีมมีเวลาโฟกัสงานสร้างมูลค่า เพิ่มขึ้น 300%

ธุรกิจขนาดกลาง (500-1,000 รายการ/เดือน)

แบบดั้งเดิม:

  • เวลาทำงานรวม: 80 ชั่วโมง/สัปดาห์
  • งานซ้ำซาก: 60%

หลังใช้ AI:

  • เวลาทำงานรวม: 30 ชั่วโมง/สัปดาห์
  • งานเชิงกลยุทธ์: 80%
  • เพิ่มความสามารถในการให้คำปรึกษา และวางแผนธุรกิจ

แนวทางการเริ่มต้นใช้ AI ในงานบัญชี

ขั้นตอนที่ 1: การประเมินความต้องการ (เดือนที่ 1)

  • วิเคราะห์งานที่เปลืองเวลามากที่สุด
  • ศึกษาเครื่องมือ AI ที่เหมาะสม
  • ทดลองใช้ระบบแบบ Free Trial
  • ประเมินความคุ้มค่าการลงทุน

ขั้นตอนที่ 2: การทดลองใช้ (เดือนที่ 2-3)

  • เริ่มจากงานที่ง่ายที่สุด เช่น OCR
  • ใช้กับข้อมูลจริง 20-30%
  • ฝึกอบรมพนักงาน
  • ตรวจสอบความแม่นยำ

ขั้นตอนที่ 3: การขยายผล (เดือนที่ 4-6)

  • เพิ่มปริมาณงานที่ใช้ AI
  • เพิ่มฟีเจอร์ใหม่
  • วัดผลและปรับปรุง
  • วางแผนการใช้ระยะยาว

บทสรุป: อนาคตของงานบัญชีคือ AI

เทคโนโลยี AI ไม่ใช่อนาคตที่ไกลตัว แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในปัจจุบัน ธุรกิจที่นำ AI มาใช้ในงานบัญชีจะได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างมาก ทั้งในด้านความเร็ว ความแม่นยำ และต้นทุน

5 เทคโนโลยีหลักที่ควรทำความเข้าใจ:

  1. OCR – อ่านเอกสารอัตโนมัติ
  2. Automated Billing – วางบิลและติดตามการชำระ
  3. Document Classification – จัดหมวดหมู่เอกสารอัจฉริยะ
  4. Expense Management – จัดการค่าใช้จ่ายอัตโนมัติ
  5. Bank Reconciliation – กระทบยอดธนาคารด้วย AI

การลงทุนใน AI สำหรับงานบัญชีไม่ใช่แค่การเพิ่มประสิทธิภาพ แต่เป็นการปลดปล่อยศักยภาพของทีมงานให้ไปทำงานที่สร้างมูลค่าสูงกว่า เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล การวางกลยุทธ์ทางการเงิน และการให้คำปรึกษาเชิงธุรกิจ ที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และประสบการณ์ของมนุษย์

การเริ่มต้นไม่ยาก เริ่มจากเทคโนโลยีง่ายๆ เช่น OCR หรือ Automated Billing จากนั้นค่อยขยายไปเรื่อยๆ ในไม่ช้าธุรกิจของคุณจะเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิวัติงานบัญชียุคดิจิทัล


เกี่ยวกับ Horizon AI Studio

หากคุณสนใจนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในงานบัญชีของธุรกิจ Horizon AI Studio มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโซลูชั่น AI สำหรับงานบัญชีและการเงินโดยเฉพาะ

เรามีประสบการณ์ในการพัฒนาระบบ OCR ที่ปรับแต่งสำหรับเอกสารไทย ระบบการวางบิลอัตโนมัติ และเครื่องมือจัดการเอกสารอัจฉริยะ พร้อมให้คำปรึกษาและสนับสนุนการใช้งานตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการขยายผล

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Horizon AI Studio เพื่อเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงงานบัญชีของคุณด้วย AI


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *